บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) โชว์งบไตรมาส 4 ปี 2566 มีรายได้รวม 1,062 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 116 ล้านบาท หรือ 12% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดดเด่นที่ธุรกิจค้าปลีกที่เติบโตขึ้นกว่า 72% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากการลงทุนเพิ่มกำลังการผลิตทั้งธุรกิจค้าปลีกเครื่องปรุงรสและธุรกิจค้าปลีกอาหารทะเลแช่แข็งและวัตถุดิบในการปรุงอาหาร เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจ ส่งผลให้ภาพรวมของปี 2566 บริษัทมีรายได้รวม 3,945 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 532 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 16% จากปี 2565 และบริษัทมีกำไรสุทธิรวมทั้งกลุ่มบริษัท 177 ล้านบาท
คุณยุพาพรรณ เอกสิทธิกุล กรรมการบริหารและรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงินและบัญชี บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ทางด้านเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4 ปี 2566 โดยรวมอุปสงค์ในประเทศขยายตัวอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะการบริโภคภาคเอกชน ซึ่งได้รับปัจจัยสนับสนุนจากความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งการจ้างงานและรายได้แรงงานที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง แต่อุปสงค์ต่างประเทศชะลอตัวจากการส่งออกภาคบริการฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ฟื้นตัวช้า ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีการใช้จ่ายมากกว่านักท่องเที่ยวสัญชาติอื่น ทำให้รายรับการท่องเที่ยวปรับลดลง
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัท ในไตรมาส 4 ปี 2566 มีรายได้รวม 1,062 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 116 ล้านบาท หรือ 12% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยหลักมาจากธุรกิจร้านอาหารในช่องทางรับประทานอาหารที่ร้านเติบโตขึ้น 8% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากการปรับรูปแบบธุรกิจ การพัฒนาแบรนด์ และการออกโปรโมชั่นต่าง ๆ ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าที่มาใช้บริการให้มากที่สุด และจากการลงทุนเพิ่มกำลังการผลิตทั้งธุรกิจค้าปลีกเครื่องปรุงรสและธุรกิจค้าปลีกอาหารทะเลแช่แข็งและวัตถุดิบในการปรุงอาหาร เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจ ส่งผลให้ธุรกิจอาหารค้าปลีกเติบโตขึ้น 72% จากงวดเดียวกันของปีก่อน”
ในส่วนของการทำการตลาดในช่วงปลายปีก็สร้างความคึกคักให้กับตลาดช่วงปลายปีไม่น้อยเลยทีเดียว ฝั่งร้านอาหารแบรนด์ญี่ปุ่น เริ่มที่ เซ็น เรสเตอร์รอง ชูกลยุทธ์การตลาดส่งท้ายปี มูเก็ตติ้ง (Muketing) ต้อนรับปีมังกรทอง เสริมพลังด้วยการทานอาหารที่ดีมีคุณภาพ มุ่งเน้นสร้างประสบการณ์ใหม่และเข้าถึงผู้บริโภคแบบ Emotional กับกลุ่มเป้าหมาย Gen Y - Gen Z, ต่อมาที่ ออน เดอะ เทเบิ้ล (On the Table) ในช่วงเทศกาลส่งท้ายปี โต๊ะจัง พาสาว ๆ ไปพักร้อนปลายปีถึงอิตาลี กับแคมเปญชวนเฉลิมฉลอง ‘Wonderful Italian Taste with Toh Chan’ สัมผัสเมนูหลากหลายสไตล์อิตาลี โดยเน้นการสร้าง Brand Engagement กับลูกค้ารุ่นใหม่ กลุ่มเพื่อน ครอบครัว และพนักงานออฟฟิต, อากะ (AKA) ต่อยอดความสนุกในแคมเปญปลายปี AKA K-Series กินเกาให้เมามันส์ อัดความสุขแบบไม่อั้น ด้วย AKA Lemon Bomb หรือมะนาวช็อตบอมบ์ เครื่องดื่มปาร์ตี้สุดเกา พร้อมจัดหนักเมนูเกาหลีกว่า 36 เมนู, ทางฝั่งแบรนด์ไทย ตำมั่ว (Tummour) ส่งแคมเปญปลายปีตอกย้ำความมั่วระดับตำนาน เน้นการสร้าง Experience ใหม่ให้กับลูกค้าเดิม และขยายฐานลูกค้าใหม่ กับแคมเปญ ‘โคตรแซ่บ โคตรคุ้ม’ เสิร์ฟ 3 เมนู ตำโคตรมั่ว, ตำโคตรเจ้าสมุทร, ตำโคตรหมูยอ จัดหนัก จัดเต็ม แบบไม่หวงเครื่อง มาพร้อมโปรโมชั่นแลกซื้อเมนูหมูสับปลาร้าทรงเครื่อง 1 จาน เพียง 69 บาท (จากราคาปกติ 135 บาท) เมื่อซื้อเมนูตำโคตร (ที่ร่วมรายการ), เขียง (Khiang) ขอส่งเมนูใหม่แบบย้อนวันวาน วัยเด็ก เป็นแคมเปญส่งท้ายปีแบบน่ารัก ๆ กับ ‘มาม่าหน้าโรงเรียน’ 3 เมนูเด็กเส้น เครื่องแน่น ได้แก่ มาม่าหน้าโรงเรียน, มาม่าปลากระป๋อง, มาม่าต้มยำทรงเครื่อง
นอกเหนือจากกลยุทธ์การตลาดส่งท้ายปีของทุกแบรนด์ในเครือ การขยายสาขาก็เป็นเป้าหมายหลักของ เซ็น กรุ๊ป ด้วยเช่นกัน ซึ่งในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2566 บริษัทเปิดร้านอาหารใหม่รวม 24 สาขา แบ่งเป็นสาขาที่บริษัทเป็นเจ้าของ 18 สาขา สาขาแฟรนไชส์ในประเทศ 5 สาขา และสาขาแฟรนไชส์ต่างประเทศ 1 สาขา หากนับรวมทั้งปี 2566 บริษัทเปิดร้านอาหารใหม่จำนวนทั้งหมด 57 สาขา แบ่งเป็นสาขาที่บริษัทเป็นเจ้าของ 38 สาขา สาขาแฟรนไชส์ในประเทศ 17 สาขา และสาขาแฟรนไชส์ต่างประเทศ 2 สาขา
โดยในช่วงไตรมาส 4 ตุลาคม - ธันวาคม ปี 2566 มีการเปิดสาขาใหม่ดังนี้
ทั้งนี้ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 บริษัทมีสาขาร้านอาหารทั้งสิ้น 341 สาขา แบ่งเป็นสาขาที่บริษัทเป็นเจ้าของเอง 182 สาขา สาขาแฟรนไชส์ในประเทศ 149 สาขา และสาขาแฟรนไชส์ต่างประเทศ 10 สาขา
นอกจากนี้ทางบริษัทยังมีการดำเนินการด้าน ESG อย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของการลดปริมาณขยะ ด้วยการคัดแยกขยะและนำกลับมาใช้ประโยชน์หรือนำกลับมารีไซเคิล และเริ่มมีการสนับสนุนวัตถุดิบ ไข่ไก่ Cage Free โดยเริ่มนำมาใช้กับ ร้าน เซ็น เรสเตอร์รอง, ร้าน อากะ และ ร้าน ออน เดอะ เทเบิ้ล สาขา เซ็นทรัล เฟสติวัล เชียงใหม่, ร้าน เซ็น เรสเตอร์รอง สาขา เซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต และร้าน ออน เดอะ เทเบิ้ล อีก 20 สาขาในกรุงเทพฯ ด้วย
“นอกจากนี้ทางบริษัทก็ยังคงให้ความสำคัญกับการทำการตลาดให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภค สื่อสารให้ตรงกลุ่มเป้าหมายของแต่ละแบรนด์ในเครือ พร้อมติดเครื่องเร่งสปีดดันยอดให้ได้ตามเป้ากันตั้งแต่ต้นปี คาด Q2 ปี 2566 เติบโตอย่างต่อเนื่องแน่นอน” คุณยุพาพรรณ กล่าวทิ้งท้าย
เซ็น กรุ๊ป ส่งร้านอาหารในเครือทุกแบรนด์อัดแคมเปญส่งท้ายปี ลงสู้ศึกแข่งเดือดธุรกิจร้านอาหารโค้งสุดท้าย พร้อมชูกลยุทธ์สร้างจุดแข็ง และมุ่งเน้นความคุ้มค่าตามพฤติกรรมที่เปลี่ยงแปลงไปของผู้บริโภคยุคใหม่ มั่นใจมัดใจลูกค้าอัพยอดขายพุ่ง ในช่วงเทศกาลและวันหยุดยาวนี้ได้อย่างแน่นอน
คุณมยุรี จิตรกร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มการตลาด บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ภาพรวมธุรกิจในช่วงปลายปี 66 ยังคงเติบโต แต่ฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด เนื่องจากจำนวนของนักท่องเที่ยวที่มีการชะลอตัวลง กำลังซื้อภายในผันผวนตามเทศกาลและวันหยุด พฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคมีต่อเนื่อง แต่จะมุ่งเน้นเรื่องความคุ้มค่าเป็นหลัก ดังนั้นในช่วงปลายปีนี้จึงเป็นโอกาสของแบรนด์ในการสร้างโอกาสทางธุรกิจจากการเฉลิมฉลองของกลุ่มลูกค้า ขณะเดียวกันร้านอาหารทุกประเภทแข่งขันกันอย่างดุเดือด ตลาดจึงมีความคึกคัก ดังนั้นแต่ละแบรนด์จึงต้องสร้างจุดแข็งของสินค้า เพื่อให้น่าดึงดูดกับผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด”
สร้างจุดแข็ง เน้นความคุ้มค่า เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ
เซ็น เรสเตอร์รอง (ZEN Restaurant) จุดแข็งที่โดดเด่นของแบรนด์คือเรื่องของคุณภาพวัตถุดิบระดับพรีเมียมผสมผสานทั้งเรื่องรสชาติ และ Food Presentation ดึงดูดความสนใจของผู้บริโภค ตั้งแต่การครีเอทเมนู Lunch Set #เที่ยงนี้ที่ZEN สร้างมิติใหม่ที่กระตุ้นกลุ่มเป้าหมายที่เป็นพนักงานออฟฟิต และตบท้ายด้วยกลยุทธ์การตลาดส่งท้ายปี มูเก็ตติ้ง (Muketing) ต้อนรับปีมังกรทอง เสริมพลังด้วยการทานอาหารที่ดีมีคุณภาพ มุ่งเน้นสร้างประสบการณ์ใหม่และเข้าถึงผู้บริโภคแบบ Emotional กับกลุ่มเป้าหมาย Gen Y, Gen Z รวมศาสตร์ความเชื่อญี่ปุ่น เสริมดวงการงาน การเงิน ความรัก สุขภาพ ผสมผสานศิลปะในการรังสรรค์เมนูอาหารญี่ปุ่นในคอนเซปต์มังกร ผ่าน 5 เมนูมังกรมงคล ได้แก่ ข้าวหน้าปลาดิบบาระชิราชิมังกร, ข้าวผัดปูชูไวไข่มังกร, โรลปลาไหลและหอยเชลล์ญี่ปุ่นมังกร, หีบสมบัติมังกร และ มังกรทองซาซิมิ รวม 7 อย่าง พร้อมเช็คดวงปัง ๆ ไปกับหมอดูต๊อกแก A4 หมอดูชื่อดัง สุดท้ายคือไอเทมสุดน่ารัก Lucky Dragon แมวมังกรมงคล เสริมความมงคลในปีมังกรทองนี้ เพียงสั่งเมนูมังกรมงคล 1 เมนู และอาหารอื่น ๆ ภายในร้าน ครบ 2,500 บาท รับตุ๊กตา Lucky Dragon มูลค่า 390 บาท ตั้งแต่วันนี้ถึง 11 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ร้านอาหารเซ็น ทุกสาขาทั่วประเทศ (ยกเว้นสาขา จังซีลอน ภูเก็ต)
ออน เดอะ เทเบิ้ล (On the Table) เน้นการสร้าง Brand Engagement กับลูกค้ารุ่นใหม่ กลุ่มเพื่อน ครอบครัว และพนักงานออฟฟิต ผ่านการใช้ ‘โต๊ะจัง’ แบรนด์คาแรคเตอร์ที่มาสร้างกระแสไปทั่วโซเชียล ต่อยอดสู่การผลิตมาสคอตตัวเป็น ๆ ส่งตรงจากญี่ปุ่น และในช่วงเทศกาลส่งท้ายปี โต๊ะจัง พาสาว ๆ ไปพักร้อนปลายปีถึงอิตาลี กับแคมเปญชวนเฉลิมฉลอง ‘Wonderful Italian Taste with Toh Chan’ สัมผัสเมนูหลากหลายสไตล์อิตาลี เนรมิต New Year Party กับ 7 เมนูใหม่ สปาเก็ตตี้ซีฟู้ดบายเลคโคโม, สโม๊คแซลมอนคาปาชโชว์, กุ้งผัดเนยกระเทียมอิตาเลี่ยน, สปาเก็ตตี้สโม๊คแซลมอนครีมเลมอน, รีซอตโต้เพสโต้กุ้งย่าง, เครื่องดื่มพีชอโลเวร่าโซดา, ของหวาน โทสต์ทิรามิสึ และสำหรับสมาชิก ZEN GROUP เมื่อทานอาหารครบ 1,500 บาทขึ้นไป แลกความน่ารัก กับ “TOH CHAN HOODIE BLANKET (ผ้าห่มฮูดดี้โต๊ะจัง) สมาชิกสามารถแลกคะแนน 299 คะแนน หรือ แลกซื้อเพียง 299 บาท เท่านั้น โปรโมชั่นตั้งแต่ 1 ธันวาคม 2566 – 31 มกราคม 2567 ที่ร้าน ออน เดอะ เทเบิ้ล ทุกสาขา
อากะ (AKA) สร้างปรากฏการณ์สะเทือนตลาดปิ้งย่าง กับความสำเร็จจากแคมเปญครบรอบ 16 ปี ต่อยอดมะนาวช็อตสู่ Product Killer : AKA Long Shot มะนาวลองช็อต ที่สร้างกระแสแบบถล่มทลายทั่วโซเชียล หลังปิดจบแคมเปญ สร้าง Earned Media มูลค่าสูงกว่า 500 ล้านบาท แถมยอดขายพุ่งขึ้นกว่า 18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และต่อยอดความสนุกในแคมเปญปลายปี AKA K-Series กินเกาให้เมามันส์ อัดความสุขแบบไม่อั้น ด้วย AKA Lemon Bomb หรือมะนาวช็อตบอมบ์ เครื่องดื่มปาร์ตี้สุดเกา พร้อมจัดหนักเมนูเกาหลีกว่า 36 เมนู อาทิ ไส้หมูหมักกับซอสเผ็ด, ซัมกยอบซัล หมูสามชั้นย่างบนฟอยล์, หมูสันคอและหมูติดมันซอสลูกแพร์, ใบงาเกาหลี, ซูบักฮวาแซ (น้ำแข็งไสเกาหลี) แคมเปญเริ่มตั้งแต่ 8 ธันวาคม 2566 – 18 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ร้านอากะทุกสาขา
ตำมั่ว (Tummour) ส่งแคมเปญปลายปีตอกย้ำความมั่วระดับตำนาน เน้นการสร้าง Experience ใหม่ให้กับลูกค้าเดิม และขยายฐานลูกค้าใหม่ กับแคมเปญ ‘โคตรแซ่บ โคตรคุ้ม’ เสิร์ฟ 3 เมนู ตำโคตรมั่ว, ตำโคตรเจ้าสมุทร, ตำโคตรหมูยอ จัดหนัก จัดเต็ม แบบไม่หวงเครื่อง มาพร้อมโปรโมชั่นแลกซื้อเมนูหมูสับปลาร้าทรงเครื่อง 1 จาน เพียง 69 บาท (จากราคาปกติ 135 บาท) เมื่อซื้อเมนูตำโคตร (ที่ร่วมรายการ) ตั้งแต่ 1 ธันวาคม 2566 – 29 กุมภาพันธ์ 2567
ลาวญวน (Lao Yuan) ร้านอาหารสไตล์อินโดจีน ไทย-ลาว-เวียดนาม ที่พึ่ง Re-Positioning วางจุดยืนและออกแบบกลยุทธ์แบรนด์ใหม่เมื่อกลางปีที่ผ่านมา โดยจะมีการเน้นการขยายสาขาแฟรนไชส์อย่างต่อเนื่อง และเน้นจุดขายเรื่องการมอบประสบการณ์ใหม่ สร้างเอกลักษณ์ที่โดดเด่นให้กับแบรนด์ผ่าน Storytelling, การปรับโฉม Store Experience ใหม่ และการชูเมนูซิกเนเจอร์ที่เป็นเมนูญวนขึ้นมาเป็นไฮไลท์สำคัญ
เขียง (Khiang) ขอส่งเมนูใหม่แบบย้อนวันวาน วัยเด็ก เป็นแคมเปญส่งท้ายปีแบบน่ารัก ๆ กับ ‘มาม่าหน้าโรงเรียน’ 3 เมนูเด็กเส้น เครื่องแน่น ได้แก่ มาม่าหน้าโรงเรียน, มาม่าปลากระป๋อง, มาม่าต้มยำทรงเครื่อง โปรโมชั่นเริ่มตั้งแต่ 20 ธันวาคม 66 - 31 มีนาคม 67 ที่ร้านเขียงทุกสาขา ทั่วประเทศ
นอกเหนือจากกลยุทธ์การตลาดส่งท้ายปีของทุกแบรนด์ในเครือ การขยายสาขาก็เป็นเป้าหมายหลักของ เซ็น กรุ๊ป ด้วยเช่นกัน นับตั้งแต่เดือน มกราคม - ธันวาคม 2566 (อัพเดตข้อมูลเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2566) โดยบริษัทเปิดร้านอาหารใหม่รวมทั้งหมด 55 สาขา แบ่งเป็นสาขาที่บริษัทเป็นเจ้าของ 35 สาขา สาขาแฟรนไชส์ในประเทศ 15 สาขา และสาขาแฟรนไชส์ต่างประเทศ 5 สาขา
- เซ็น เรสเตอร์รอง เปิดสาขาใหม่ 7 สาขา รวมสาขาทั้งหมดในปัจจุบัน 54 สาขา
- ออน เดอะ เทเบิ้ล เปิดสาขาใหม่ 8 สาขา แบ่งเป็นสาขาที่บริษัทเป็นเจ้าของ 7 สาขา และสาขาแฟรนไชส์ต่างประเทศ 1 สาขา รวมสาขาทั้งหมดในปัจจุบัน 35 สาขา
- อากะ เปิดสาขาใหม่ 15 สาขา รวมสาขาทั้งหมดในปัจจุบัน 54 สาขา
- ดินส์ เปิดสาขาใหม่ 1 สาขา รวมสาขาทั้งหมดในปัจจุบัน 2 สาขา
- ตำมั่ว เปิดสาขาใหม่ 12 สาขา ซึ่งเป็นสาขาแฟรนไชส์ในประเทศ 9 สาขา และสาขาแฟรนไชส์ต่างประเทศ 3สาขา รวมสาขาทั้งหมดในปัจจุบัน 89 สาขา
- เดอ ตำมั่ว เปิดสาขาใหม่ 2 สาขา แบ่งเป็นสาขาที่บริษัทเป็นเจ้าของ 1 สาขา และสาขาแฟรนไชส์ในประเทศ 1 สาขา รวมสาขาทั้งหมดในปัจจุบัน 3 สาขา
- ลาวญวน เปิดสาขาใหม่ 6 สาขา แบ่งเป็นสาขาที่บริษัทเป็นเจ้าของ 4 สาขา และสาขาแฟรนไชส์ในประเทศ 2สาขา รวมสาขาทั้งหมดในปัจจุบัน 34 สาขา
- เขียง เปิดสาขาใหม่ 4 สาขา ซึ่งเป็นสาขาแฟรนไชส์ในประเทศ 3 สาขา และสาขาแฟรนไชส์ต่างประเทศ 1 สาขา รวมสาขาทั้งหมดในปัจจุบัน 55 สาขา
บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) โชว์ผลงานไตรมาส 4/2565 กวาดรายได้รวมทั้งสิ้น 946 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 21% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ภาพรวมของปี 2565 บริษัทมีรายได้รวม 3,413 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 51% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิรวม 154 ล้านบาท
คุณยุพาพรรณ เอกสิทธิกุล กรรมการบริหารและรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงินและบัญชี บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส 4 ปี 2565 รายได้ของบริษัทรวมทั้งสิ้น 946 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 21% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยหลักจากรายได้ธุรกิจร้านอาหาร จากการฟื้นตัวของธุรกิจหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย อีกทั้งยังมีการขยายสาขาใหม่โดยเฉพาะสาขาที่บริษัทเป็นเจ้าของ รวมถึงการออกโปรโมชั่นต่าง ๆ เพื่อเพิ่มจำนวนลูกค้าและการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และจากความพยายามของบริษัทในการปรับโมเดลธุรกิจ ซึ่งในปีนี้ได้เข้าลงทุนในบริษัท คิง มารีน ฟู้ดส์ จำกัด ช่วยผลักดันให้รายได้ธุรกิจอาหารค้าปลีกของบริษัทเติบโตขึ้นมาก ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิรวม 55 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 46 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมา
สำหรับปี 2565 บริษัทมีรายได้รวม 3,413 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,158 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 51% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิรวม 154 ล้านบาท พลิกจากขาดทุนสุทธิ 92 ล้านบาทในปี 2564 หรือเพิ่มขึ้น 245 ล้านบาท และนับเป็นผลประกอบการที่บริษัททำได้สูงสุดเมื่อเทียบกับปีที่ผ่าน ๆ มา ตั้งแต่ก่อนเกิดสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19”
คุณบุญยง ตันสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในปี 2565 บริษัทได้โฟกัสที่กลุ่มธุรกิจร้านอาหาร ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัท โดยมีอัตราการเติบโตของรายได้ธุรกิจร้านอาหารของสาขาเดิมของบริษัท +25.5% โดยเป็นสัดส่วนรายได้จากธุรกิจร้านอาหาร เพิ่มขึ้น 928 ล้านบาท หรือ 59% หลังการปลดข้อจำกัดในการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 และการกลับมารับประทานอาหารนอกบ้านมากขึ้น ประกอบกับการเปิดสาขาใหม่บนทำเลที่มีศักยภาพ
ซึ่งในไตรมาสที่ 4 ปี 2565 บริษัทเปิดร้านอาหารใหม่จำนวน 18 สาขา เป็นสาขาที่บริษัทเป็นเจ้าของ 9 สาขา และสาขาแฟรนไชส์ 9 สาขา หากนับรวมทั้งปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2565 บริษัทเปิดร้านอาหารใหม่จำนวนทั้งหมด 45 สาขา เป็นสาขาที่บริษัทเป็นเจ้าของ 25 สาขา และสาขาแฟรนไชส์ 20 สาขา ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2565 บริษัทมีจำนวนสาขาร้านอาหารทั้งสิ้น 345 สาขา แบ่งเป็นสาขาที่บริษัทเป็นเจ้าของ 155 สาขา และสาขาแฟรนไชส์ 190 สาขา หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 45:55”
“ตลอดระยะเวลาของการดำเนินธุรกิจกว่า 32 ปี ปัจจุบันมีร้านอาหารในเครือกว่า 10 แบรนด์ ซึ่งมีการขยายสาขาของแต่ละแบรนด์อย่างต่อเนื่อง ทั้งสาขาที่ลงทุนเองและแฟรนไชส์ เพื่อให้ครอบคลุมในไทยและต่างประเทศ โดยในปี 2566 นี้ ทางบริษัทก็ยังคงเน้นการทำรายได้และกำไรของสาขาที่มีอยู่ในปัจจุบัน การปรับโมเดลธุรกิจให้กระชับ ทันสมัย พร้อมทั้งการขยายสาขาเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ภายในปี 66 รวมถึงความพร้อมของการบริหารจัดการร้านอาหาร ต่อยอดการใช้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพเข้ามาเพื่อช่วยพัฒนาระบบภายในร้าน และเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Robot, QR Ordering/Payment, Cashless ให้รองรับการใช้งานกับทุกร้าน และทุกสาขาในเครือทั้งหมด เพื่อเตรียมรับการเติบโตอย่างก้าวกระโดดด้วยความมั่นคงและยั่งยืน
อีกทั้งยังได้มีการเน้นการทำการตลาดที่เผ็ดร้อน ตั้งเป้าขยาย Customer Base ให้กว้างขึ้นในทุกมิติ ด้วยการใช้กลยุทธ์ Insightful Marketing ที่จะต้องเข้าใจความต้องการที่ซ่อนอยู่ของผู้บริโภคอย่างแท้จริง และสร้างกระแสที่สนุกสนานให้กับวงการตลอดทั้งปี” คุณบุญยง กล่าวทิ้งท้าย